เสนอเชื่อมสัมพันธ์ไมตรีกับจีน ของ สังข์ พัธโนทัย

นายสังข์เป็นคนรักการอ่านหนังสือและทำงานด้านกรรมกรด้วยใจ ทำให้นายสังข์มองเห็นสังคมที่เหลื่อมล้ำต่ำสูง และในที่สุดก็ได้ซึมซาบลัทธิสังคมนิยมแบบเฟเบี้ยน (Fabian Socialism) คือการเปลี่ยนแปลงสังคมไทยให้เป็นธรรม ด้วยวิธีสันติและในรูปของการออกกฎหมายช่วยคนที่ด้อยกว่าทางเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งก็คือผู้ใช้แรงงาน โดยไม่ใช้วิธีรุนแรงเพื่อโค่นล้มทุนนิยมแบบคอมมิวนิสต์ ขณะนั้นสหรัฐ ซึ่งเป็นศัตรูกับจีนเริ่มสังเกตว่า นายสังข์ ซึ่งเป็นบุคคลซึ่งใกล้ชิดที่สุดของจอมพล ป. มีหัวโน้มเอียงไปนิยมคอมมิวนิสต์ จอมพล ป. ฯ จึงเกรงว่า หากสหรัฐรู้เข้าจะต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ แต่นายสังข์ได้ชี้แจงแก่จอมพล ป. โดยยืนยันว่า ประเทศไทยจำเป็นต้องสัมพันธ์กับจีนด้วย เพราะประเทศจีนอยู่ใกล้ชิดกับประเทศไทย และจีนได้รับการเปลี่ยนแปลงจากการปฏิวัติของพรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งนำโดยเหมาเจ๋อตงแล้ว ประเทศจีนจะต้องเป็นมหาอำนาจเทียบเท่าสหรัฐ รวมถึงเลือดเนื้อเชื้อไขของคนไทยกับคนจีน ก็เชื่อมโยงกันมาแต่ไหนแต่ไร จีนจะเป็นมหามิตรของชาติเราได้ดีกว่าชาติอื่น และยิ่งได้ทราบถึงไมตรีของโจวเอินไหล นายกรัฐมนตรีของจีน ซึ่งมีโอกาสได้พบปะกับพระองค์เจ้าวรรณไวทยากรวรรณ รัฐมนตรีต่างประเทศ ระหว่างเข้าร่วมประชุมกลุ่มประเทศเอเชียแอฟริกา (AFRO-ASIAN NATION) ที่นครบันดง ประเทศอินโดนีเซียว่า จีนหวังเป็นมิตรกับไทยด้วยแล้ว ก็ยิ่งทำให้นายสังข์ยืนยันกับจอมพล ป.ฯ ว่าจะอย่างไรเสีย ไทยก็จำเป็นต้องสัมพันธ์กับจีน สุดท้ายจอมพล ป.ฯ จึงตัดสินใจมอบหมายให้นายสังข์เป็นคนติดต่อสัมพันธ์ลับๆกับจีน